โครงงานอาชีพ
เรื่อง กระเป๋าจากหลอด
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์ อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
CAI
ช่วยสอน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5/4
ภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2557
โครงงานอาชีพ
เรื่อง กระเป๋าจากหลอด
คณะผู้จัดทำ
นาย กฤษณะ ทุมยา ม.5/4 เลขที่
10
นางสาว ดวงจิตร เพ็งจันทร์ เลขที่ 17
อาจารย์ที่ปรึกษา
อาจารย์ อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด
รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์
CAI
ช่วยสอน
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่ 5/4
ภาคเรียนที่2ปีการศึกษา2557
บทคัดย่อ
ในปัจจุบันจัดการตัดหลอดตามรูป เสร็จแล้วเอาออกมาสอดให้เป็นวง
ทำไว้เยอะ ๆ เหมือนกล่องนมแล้วเอาไปสานเป็น จัดการตัดหลอดตามรูป
เสร็จแล้วเอาออกมาสอดให้เป็นวง
ทำไว้เยอะ ๆ เหมือนกล่องนมแล้วเอาไปสานเป็น กระเป๋าหลอด
กิตติกรรมประกาศ
โครงงานนี้จัดทำขึ้นเพื่อศึกษาประวัติและวิธีการทำกระเป๋าจากหลอดที่ถูกวิธีและสวยงามตามต้องการและที่สำคัญคือแปลกใหม่ไปจากเดิม กระเป๋าจากหลอดเป็นการจักสานที่ขึ้นชื่อของคนไทย
ซึ่งกระเป๋าจากหลอดก็เป็นการจักสานชนิดหนึ่งถือเป็นการช่วยอนุรักษ์สูตรการจักสานไทยและวัฒนธรรมไทยไปในตัว
และการจัดทำโครงงานครั้งนี้สำเร็จไปได้ดัวยดีเนื่องจากได้คำปรึกษาจาก
อาจารย์ อนุสรณ์ ฤกษ์บางพลัด กลุ่มของพวกเราจึงขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้
สารบัญ
เรื่อง หน้า
- บทที่1 บทนำ
- - ที่มาและความสำคัญ /จุดมุ่งหมายของโครงงาน/สมมติฐาน /ขอบเขตการศึกษา 6
- บทที่2 เอกสารที่
- -เอกสารที่เกี่ยวข้อง /หลอดกาแฟ/แม็กเย็บกระดาษ/ลูกแม็ก/กรรไกร 7-12
- บทที่3 วัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนวิธีดำเนินงาน
- -วัสดุอุปกรณ์ /ขั้นตอนวิธีการ 13-15
- บทที่4 ผลการเรียนรู้
- -วัสดุ/อุปกรณ์ /วิธีการ 16
- บทที่5 สรุปผลและอภิปรายผลงาน
- -สรุป/อภิปราย/ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน 16-17
- ภาคผนวก 18-19
- อ้างอิง 20
บทที่1
บทนำ
ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
กระเป๋าจากหลอดเป็นการจักสานของไทยชนิดหนึ่งที่ เป็นสูตรประยุกต์โดยยืนพื้นฐานสูตรเดิมมีการทำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์นักโบราณคดีได้พบหลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการทำเครื่องจักสานในยุคหินใหม่ที่บริเวณถ้ำแห่งหนึ่งในเขตอำเภอศรีสวัสดิ์
จ.กาญจนบุรี ซึ่งทำด้วยไม้ไผ่เป็นลายขัดสองเส้นประมาณว่ามีอายุราว 4,000ปีมาแล้ว
กระเป๋าจากหลอดสามารถประยุกต์ ได้หลายแบบ เช่น
กระเป๋าที่ทำจากไม้ใผ่เรา กระเป๋าที่ทำมาจากหลอดกาแฟ
กระเป๋าที่ทำมาจากกล่องนม กระเป๋ษที่ทำมาจากชองกาแฟที่กินหมดแล้ว
ซึ่งวัตถุดิบเหล่านี้ล้วนแล้วหาได้ง่ายในท้องถิ่นของเราด้วย
การทำการทำกระเป๋าเป็นการอนุรักษ์และเป็นการนำวิธีการกระเป๋าที่มีอยู่แล้วมาสร้างสรรค์ให้แปลกใหม่จากเดิมให้คนรุ่นหลังสืบทอดกันต่อไปจุดมุ่งหมายของโครงงาน
1.
เพื่ออนุรักษ์การจักสานไทย
2.
เพื่อฝึกการทำงานเป็นกลุ่ม
3.
เป็นการสร้างรายได้ระหว่างเรียน
4.
เพื่อฝึกการทำกระเป๋าจากหลอด
5.
เพื่อศึกษาประวัติและวิธีกระเป๋าจากหลอดไทย
สมมุติฐานหวังว่าจะได้รับประโยชน์จากการทำโครงงาน เพื่อนำไปประกอบอาชีพในอนาคต และสามารถประยุกต์การทำกระเป๋าจากหลอด ที่ใช้หลอดจากการเหลือใช้
ขอบเขตการศึกษา
ศึกษาจากเว็บไซต์และสอบถามบุคคลที่รู้เกี่ยวกับการทำกระเป๋าจากหลอด
บทที่2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
หลอด
ประวัติความเป็นมาของหลอด
สมัยก่อนมนุษย์กับธรรมชาติมีความเป็นอยู่ใกล้ชิดกันมาก
มนุษย์รู้จักการดูแลรักษาธรรมชาติ ธรรมชาติก็ให้ประโยชน์แก่มนุษย์
มีความเป็นอยู่แบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน บรรดานักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียงหลายคน
เกิดความคิดสร้างสรรค์ในการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆมาจากการสังเกตธรรมชาติ
สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว มีการลองผิดลองถูกนับครั้งไม่ถ้วน
จนได้ข้าวของเครื่องใช้ที่อำนวยความสะดวกแก่มนุษย์อย่างในปัจจุบัน ตัวอย่างสิ่งของที่ผู้เขียนจะนำเสนอให้ผู้อ่านได้อ่านกันในวันนี้
เป็นของใกล้ตัวมีขนาดเล็กมากจนอาจทำให้ทุกคนมองข้ามไม่เคยสงสัยว่าสิ่งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร
ใครเป็นคนประดิษฐ์คิดค้นมันขึ้นมาคือ “หลอดดูดน้ำ” นั้นเอง
หลอดดูดน้ำที่เราใช้กันทั่วไปในปัจจุบันมีวิวัฒนาการมาจากสมัยก่อน
ตอนที่ยังไม่มีหลอดดูดน้ำมนุษย์จะใช้หญ้า ryegrass ซึ่งมีลักษณะเป็นปล้องกลวงๆยาวๆคล้ายก้านมะละกอในบ้านเราดูดน้ำกัน
นาย มาร์วิน สโตน
ใช้การสังเกตอุปกรณ์ดูดน้ำอย่างหญ้ามาเป็นแรงบันดาลใจประดิษฐ์หลอดดูดน้ำ
โดยการพันแถบกระดาษเล็กๆรอบแท่งดินสอแล้วทากาวให้คงรูป
จากนั้นจึงเคลือบไขพาราฟินจนกระดาษมะนิลาปิดรอบ
เพราะการใช้กระดาษอย่างเดียวนั้นจะไม่ค่อยคงทนเมื่อถูกน้ำแล้วจะเปื่อยง่าย
ต่อจากนั้นจึงมีการปรับเปลี่ยนให้มีโครงสร้างที่เหมาะสมกับการใช้งานจนได้เป็นหลอดดูดน้ำอย่างในปัจจุบัน
หลอดดูดน้ำเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 1888 โดยหลอดดูดน้ำรุ่นแรกที่ผลิตออกมา
มีความยาว 8.5 นิ้ว แต่มีขนาดรูเล็กมากเพื่อป้องกันเมล็ดผลไม้ในน้ำผลไม้ต่างๆ
จำพวกน้ำส้ม น้ำมะนาว เล็ดรอดเข้าไปในลำคอได้
จากนั้นก็มีการพัฒนาหลอดดูดน้ำให้มีรูปลักษณ์สวยงาม ทันสมัยมากขึ้น
อย่างเช่นแต่ก่อนหลอดดูดน้ำที่เราใช้กันตอนเด็กๆมีขนาดประมาณ 8 นิ้ว
ขนาดรูหลอดกว้างประมาณ 7 มิลลิเมตร
แต่ปัจจุบันหลอดมีขนาดอ้วนขึ้นเพื่อความสะดวกในการบริโภคเครื่องดื่มจำพวกชาไข่มุกหรือหลอดมีขนาดยาวขึ้นตามขนาดของน้ำอัดลมที่มีขนาดของขวดสูงขึ้นเป็นต้น
ดังนั้นแม้ว่าหลอดจะมีวิวัฒนาการทันสมัยเพียงใด
เราจะไม่มีวันมีข้าวของเครื่องใช้อำนวยความสะดวกใช้อย่างทุกวันนี้เลยถ้าไม่มีเหล่ามนุษย์ผู้ช่างสังเกต
คอยมองสังเกตธรรมชาติรอบๆตัวแล้วเกิดความคิดสร้างสรรค์สิ่งดีๆพัฒนาอย่างมีขั้นตอนดังเช่นทุกวันนี้
แม็ก
ประวัติความเป็นมาของแม็ก
มีบันทึกว่า *ที่เย็บกระดาษหรือ (Stapler) ตัวแรกของโลกถือกำเนิด
ในคริสต์ศตวรรษ 17หรือคริสต์ศตวรรษที่ 18 ณ ประเทศ ฝรั่งเศส เป็นเครื่องกลไกที่ประดิษฐ์ด้วยมือล้วนๆ โดยมี
กษัตริย์หลุยส์ที่ 15 เป็นต้นคิดหรือช่วยออกความคิดเครื่องเย็บกระดาษรุ่นแรกๆ ประดิษฐ์ใช้กันหลายตัว แต่ละตัวจะสลักตราประจำราชสำนักเอาไว้
*พอเข้าคริสต์ศตวรรษที่ 19 การใช้กระดาษเพิ่มขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้ที่เย็บกระดาษ
เพิ่มขึ้นด้วย มีบันทึกว่า *ซามูเอล สโลคัม* จดสิทธิบัตรที่เย็บกระดาษครั้งแรกใน ค.ศ.1841
แต่ที่จริงเครื่องนั้น ใช้วิธีตอกหมุดทะลุกระดาษมากกว่า จะเป็นการ เย็บลวดสองขาอย่างที่เรารู้จัก
*เครื่องเย็บกระดาษพัฒนามาเรื่อยๆ แต่มักจะใส่ลวดเย็บได้ทีละ 1 ตัวเท่านั้น
จนเข้ากลางคริสต์ศตวรรษที่ 20 * จอห์น มันฟอร์ด* ชาว อังกฤษ จึงประดิษฐ์เครื่องเย็บกระดาษหน้าตาคล้ายรุ่นปัจจุบัน ที่เราคุ้นเคยกัน ตอนนั้นเขาทำขึ้นมาขาย ให้นายจ้าง เพื่อแลกเงิน ก้อนเล็กๆ เลี้ยงชีวิต ไม่ได้กระตือรือร้นจะสร้างชื่อเสียง
** แต่เป็นการดี ที่ประวัติศาสตร์ยังจดจำเขาได้ เราเลยได้รู้จักเขาไปด้วย**
วิธีการใช้หลอด
ที่เย็บกระดาษ (stapler) บ้านเรา
หลายคนเรียกติดปากว่า “แม็กซ์” จนกลายเป็นชื่อของวัสดุชนิดนี้ คงจะมาจากยี่ห้อ MAX ของบริษัทMAX Co. Ltd. Made in Japan ปัจจุบันมีที่เย็บกระดาษมากมายหลายยี่ห้อในท้องตลาด
รูปแบบและขนาดแตกต่างกัน การดีไซน์แปลกตา พร้อมมีสีสันสวยงามน่าใช้
และขนาดของที่เย็บกระดาษที่ใช้ในสำนักงานทุกวันนี้
ก็จะเป็นที่เย็บกระดาษที่ใช้ลวดเย็บกระดาษ (staples) เบอร์
10เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเบอร์นี้ทุกยี่ห้อใช้ร่วมกันได้ เย็บกระดาษประมาณ
2-20 แผ่น อีกยี่ห้อหนึ่งที่ผู้เขียนใช้ในสำนักงานคือ bostitch จะแตกต่างกับยี่ห้อแรกที่กล่าวถึง
ใช้เย็บกระดาษที่มีจำนวนหน้ามากขึ้น
ลวดเย็บกระดาษจะแตกต่างจากลวดเย็บของยี่ห้ออื่นๆ คือ
จะมีลักษณะโค้งตรงกลางไม่เรียบเหมือนกับลวดเย็บกระดาษ
ลูกแม็ก
โครงสร้างของลูกแม็ก
· โครงสร้างผลิตจากเหล็กกล้าหุ้มด้วยพลาสติก
ABS
· ที่จับออกแบบพิเศษ
เหมาะกับสรีระของการวางมือ ทำให้จับถนัด กระชับมือขณะใช้งาน
· มีที่กั้นล็อคระดับความลึกในการเย็บและสเกลตั้งระยะ
ระบบใส่ลวดที่สะดวก
โดยใส่จากด้านหลังเครื่อง พร้อมช่องเก็บลวดเย็บสำรอง
ปุ่มรองรับการเย็บ
2 ตำแหน่ง สามารถหมุนปรับตำแหน่งการเย็บได้
- สำหรับการเย็บที่ความหนา
6-15 มม.
- สำหรับการเย็บที่ความหนา
17-24 มม.
สามารถใช้งานกับลวดเย็บได้ถึง
9 ขนาด
ใช้กับลวดเย็บเบอร์
: 23/6-23/24, 24/6-24/24 และ 12/6-12/24
บรรจุลวดเย็บได้
: 2 แถว (50-100 เข็ม)
เย็บกระดาษได้หนา
: 2-210 แผ่น (80 แกรม)6-24 มม.
- ลวดเย็บเบอร์
23/6,24/6 และ 12/6 เย็บได้หนา 2-30
แผ่น(80 แกรม) 6 มม.
- ลวดเย็บเบอร์
23/8,24/8 และ 12/8 เย็บได้หนา 30-50
แผ่น(80 แกรม)8 มม.
- ลวดเย็บเบอร์
23/10,24/10 และ 12/10 เย็บได้หนา
50-70 แผ่น(80 แกรม)10 มม.
- ลวดเย็บเบอร์
23/13,24/13 และ 12/13 เย็บได้หนา
70-100 แผ่น(80 แกรม)13 มม.
- ลวดเย็บเบอร์
23/15,24/15 และ 12/15 เย็บได้หนา
100-120 แผ่น(80 แกรม)15 มม.
- ลวดเย็บเบอร์ 23/17,24/17 และ 12/17 เย็บได้หนา 120-140 แผ่น(80
แกรม)17 มม.
- ลวดเย็บเบอร์ 23/20,24/20 และ 12/20 เย็บได้หนา 140-170 แผ่น(80
แกรม)20 มม.
- ลวดเย็บเบอร์
23/23,24/23 และ 12/23 เย็บได้หนา
170-200 แผ่น(80 แกรม)2
- ลวดเย็บเบอร์
23/24,24/24 และ 12/24 เย็บได้หนา
190-210 แผ่น(80 แกรม)24 มม.
ระยะในการเย็บจากขอบกระดาษ
: 7 ซม.
ขนาดสินค้า
(กว้าง x ยาว x สูง): 8 ×
28 x 25 ซม./ เครื่อง
ขนาดสินค้ารวมกล่อง
(กว้าง x ยาว x สูง): 9 ×
30 x 19 ซม./ กล่อง
จำนวน 1 เครื่อง
กรรไกร
ประวัติ
กรรไกรนั้นต่างจากมีด
เพราะมีใบมีด 2 อัน ประกบกันโดยมีจุดหมุนร่วมกัน
กรรไกรส่วนใหญ่จะไม่มีความคมมากนัก แต่อาศัยแรงฉีกระหว่างใบมีดสองด้าน
กรรไกรของเด็กนั้นจะมีความคมน้อยมาก และมักมีพลาสติกหุ้มเอาไว้
กรรไกรเนี่ย ว่ากันว่าถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ 1500 ปีก่อนคริสตกาลในยุคอียิปต์โบราณ มีรูปร่างยาวโดยมีจุดเชื่อมที่ด้านท้าย ส่วนกรรไกรด้ามตัดไขว้แบบปัจจุบันถูกคิดค้นในราว พ.ศ. 643 ในตอนนั้น (ยุคอียิปต์) มีแค่ตัวเชื่อม กับหู โครงร่างยังดูเลือนรางมาก ทำเป็นรูปตัวยู ซึ่งกรรไกรเกิดขึ้นเนื่องจากเรื่องของการค้าขายเพราะต้องการของคมๆ ไว้ใกล้ตัว เวลาจะบรรจุของลงหีบห่อ หรือใช้ตัดของได้สะดวกกรรไกรได้ดำรงอยู่มานานมาก ในตอนแรก รูปทรงอาจจะใช้ยาก แต่ต่อมาชาวโรมันก็เอาปรับแก้ไขให้รายละเอียดมีมากขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 100ทำให้กรรไกรใช้ได้ง่ายกว่าเดิมมาก
ในตอนแรก กรรไกรนั้นไม่มีรู (แล้วใช้ไงอะ) เป็นแบบราบเรียบแข็งๆ ไปเลย แต่ต่อมา Robert Hinchliffe ชาวอังกฤษได้คิดค้นการเจาะรูบนกรรไกรขึ้น (ขอบคุณคุณโรเบิร์ต) ทำให้กรรไกรใช้ง่ายขึ้นมาก และต่อมาในฟินแลนด์ ก็มีการนำเหล็กมาใช้ทำกรรไกรทำให้กรรไกรมีหลากหลายแบบมากขึ้น
ในภาษาไทย โดยมากเรียก "กรรไกร" แต่บางถิ่นเรียก "ตะไกร", "ไกร", หรือ "มีดตัด" สำหรับกรรไกรโดยทั่วไป ในภาษาอังกฤษเรียกว่า scissors แต่ในอุตสาหกรรม จะเรียกกรรไกรที่มีความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตร ว่าshears
กรรไกร (อังกฤษ: scissors) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตัดวัสดุบาง ๆ โดยใช้แรงกดเล็กน้อย โดยใช้ตัดวัสดุเช่น กระดาษ กระดาษแข็งแผ่นโลหะบาง พลาสติกบาง อาหารบางอย่าง ผ้า เชือก และสายไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เพื่อตัดผมก็ได้ ส่วนกรรไกรขนาดใหญ่อาจใช้ตัดใบไม้และกิ่งไม้ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
กรรไกรเนี่ย ว่ากันว่าถูกคิดค้นขึ้นเมื่อ 1500 ปีก่อนคริสตกาลในยุคอียิปต์โบราณ มีรูปร่างยาวโดยมีจุดเชื่อมที่ด้านท้าย ส่วนกรรไกรด้ามตัดไขว้แบบปัจจุบันถูกคิดค้นในราว พ.ศ. 643 ในตอนนั้น (ยุคอียิปต์) มีแค่ตัวเชื่อม กับหู โครงร่างยังดูเลือนรางมาก ทำเป็นรูปตัวยู ซึ่งกรรไกรเกิดขึ้นเนื่องจากเรื่องของการค้าขายเพราะต้องการของคมๆ ไว้ใกล้ตัว เวลาจะบรรจุของลงหีบห่อ หรือใช้ตัดของได้สะดวกกรรไกรได้ดำรงอยู่มานานมาก ในตอนแรก รูปทรงอาจจะใช้ยาก แต่ต่อมาชาวโรมันก็เอาปรับแก้ไขให้รายละเอียดมีมากขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 100ทำให้กรรไกรใช้ได้ง่ายกว่าเดิมมาก
ในตอนแรก กรรไกรนั้นไม่มีรู (แล้วใช้ไงอะ) เป็นแบบราบเรียบแข็งๆ ไปเลย แต่ต่อมา Robert Hinchliffe ชาวอังกฤษได้คิดค้นการเจาะรูบนกรรไกรขึ้น (ขอบคุณคุณโรเบิร์ต) ทำให้กรรไกรใช้ง่ายขึ้นมาก และต่อมาในฟินแลนด์ ก็มีการนำเหล็กมาใช้ทำกรรไกรทำให้กรรไกรมีหลากหลายแบบมากขึ้น
ในภาษาไทย โดยมากเรียก "กรรไกร" แต่บางถิ่นเรียก "ตะไกร", "ไกร", หรือ "มีดตัด" สำหรับกรรไกรโดยทั่วไป ในภาษาอังกฤษเรียกว่า scissors แต่ในอุตสาหกรรม จะเรียกกรรไกรที่มีความยาวมากกว่า 15 เซนติเมตร ว่าshears
กรรไกร (อังกฤษ: scissors) เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับตัดวัสดุบาง ๆ โดยใช้แรงกดเล็กน้อย โดยใช้ตัดวัสดุเช่น กระดาษ กระดาษแข็งแผ่นโลหะบาง พลาสติกบาง อาหารบางอย่าง ผ้า เชือก และสายไฟ เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้เพื่อตัดผมก็ได้ ส่วนกรรไกรขนาดใหญ่อาจใช้ตัดใบไม้และกิ่งไม้ ซึ่งมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ
กรรไกรนั้นต่างจากมีด เพราะมีใบมีด 2 อัน
ประกบกันโดยมีจุดหมุนร่วมกัน กรรไกรส่วนใหญ่จะไม่มีความคมมากนัก
แต่อาศัยแรงฉีกระหว่างใบมีดสองด้าน กรรไกรของเด็กนั้นจะมีความคมน้อยมาก
และมักมีพลาสติกหุ้มเอาไว้
ในภาษาไทย เรียก
"กรรไกร",
"กรรไตร" หรือ "ตะไกร" ส่วนในภาษาอังกฤษ โดยทั่วไปเรียกว่า
"scissors"
แต่ในอุตสาหกรรม เรียกกรรไกรที่มีความยาวมากกว่า
15 เซนติเมตร ว่า "shears"[1]
ในทางกลศาสตร์ ถือว่ากรรไกรเป็นคานคู่ชั้น 1
(First-Class Lever) ซึ่งมีหมุดกลางทำหน้าที่เป็นจุดหมุน
ส่วนการตัดวัสดุหนาหรือแข็งนั้น จะให้วัสดุอยู่ใกล้จุดหมุน
เพื่อเพิ่มแรงกดให้มากที่สุด ตัวอย่างเช่นหากแรงที่ใช้ (นั่นคือ มือ)
ห่างจากจุดหมุนเป็นสองเท่าของตำแหน่งที่ตัด (นั่นคือ ตำแหน่งกระดาษ)
แรงที่กดบนขากรรไกรก็จะเป็นสองเท่าด้วย
กรรไกรพิเศษ เช่น กรรไกรตัดเหล็ก (bolt cutters) สำหรับงานกู้ภัย
จะมีปากสั้น และด้ามยาว เพื่อให้วัสดุที่ตัดอยู่ใกล้จุดหมุนมากที่สุดนั่นเอง
กรรไกรตัดเหล็กเส้นก่อสร้าง [2] (bar cutters) สำหรับงานก่อสร้าง โดยเฉพาะไซต์งานที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ ทำงานโดยใช้แรงกล
มีด้ามยาวสำหรับโยกหมุนเฟืองเพื่อดันใบมีดเข้าหากันเพื่อตัดเหล็ก
เหมาะกับการใช้ตัดชิ้นงานหยาบ ไม่สามารถใช้กับงานที่ละเอียดได้
นอกจากนี้ยังมีกรรไกรตัดเหล็กที่ใช้สำหรับตัดเหล็กแผ่น เหล็กแบน เหล็กกลม (shearing machines) ซึ่งใช้กลวิธีการทำงานคือ โยกด้ามยาวที่ติดกับตัวขับที่เป็นฟันเหล็ก
และเฟืองซึ่งทำจากเหล็กขึ้นรูปร้อน โดยตัวขับจะเป็นตัวส่งกำลังไปยังตัวเลื่อน
เพื่อดันใบมีดตัวบนเข้ามาใบมีดตัวล่าง และมีสปริงค้ำคันโยก
ซึ่งจะช่วยป้องกันคันมือโยกไม่ให้หล่นลงมา และยังเป็นตัวทำให้เกิดความสมดุลของน้ำหนักของตัวคันมือโยกอีกด้วย
บทที่ 3
วัสดุอุปกรณ์และขั้นตอนการดำเนินงาน
วัสดุอุปกรณ์
- หลอด
- แม็กเย็บกระดาษ
- ลูกแม็ก
- กรรไกร
ขั้นตอนและวิธีการดำเนินงาน
1.
ตัดหลอด
2. รีดหลอด
3.แม็กหลอด
4.สร้างฐานกระเป๋า
5.ขึ้นโครงกระเป๋า
6.ได้โครงกระเป๋า
7.เสร็จสมบรูณ์
บทที่
4
ผลการเรียนรู้
จากการศึกษาค้นคว้าและฝึกทำการทำกระเป๋าจากหลอดผลที่ได้คือพวกเราได้เรียนรู้วิธีการทำกระเป๋าจากหลอดที่ถูกวิธี
และได้กระเป๋าจากหลอดที่สวยงามตามต้องการและแปลกใหม่จากเดิมด้วยวิธีข้างล่างนี้
บทที่
5
สรุปผลและอภิปรายผลงาน
สรุป
การทำโครงงานกระเป๋าจากหลอดครั้งนี้ทำให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันสืบค้นหาข้อมูลและปฏิบัติเป็นรูปเล่มโครงงานและทำเป็นของใช้เพื่อให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ
และนอกจากนี้ยังเป็นการศึกษาวิธีการทำ และลงมือปฏิบัติได้ด้วยตนเอง และทำให้สมาชิกในกลุ่มเกิดความสามัคคีกันมากยิ่งขึ้นด้วย
อภิปราย
1.
สามารถนำเอาโครงงานมาเป็นแบบอย่างในการศึกษาข้อมูลในการทำครั้งต่อไป
2.
ใช้ประโยชน์จากรูปเล่มโครงงานไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
3.
นำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
4.
ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ให้กับตนเองและครอบครัว
5.
สามารถนำไปประกอบอาชีพได้
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน
ในการทำโครงงานเรื่องกระเป๋าจากหลอดในครั้งนี้
ทำให้ได้รู้และศึกษาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ มาประยุกต์ใช้และได้รับประโยชน์ ดังนี้
1.
รู้และนำไปปฏิบัติได้อย่างถูกวิธี
2.
ได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งต่างๆและนำมาจัดทำเป็นรูปเล่มโครงงาน
เพื่อการศึกษาต่อไป
3.
นำไปประกอบการเรียนรู้ในวิชาที่เกี่ยวข้อง
4.
ได้เรียนรู้และฝึกทักษะการทำกระเป๋าจากหลอด
5.
สามารถนำความรู้ในการศึกษาการกระเป๋าจากหลอดไปใช้ในการดำรงชีวิต
ภาคผนวก
อ้างอิง
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B9%84%E0%B8%81%E0%B8%A3